ประวัติ12นักษัตร
"นักษัตร" หมายถึงชื่อรอบเวลากำหนด 12 ปี เป็น 1 รอบ เรียกว่า 12 นักษัตร โดยกำหนดให้สัตว์ 12 ชนิด เป็นเครื่องหมายแต่ละปี เริ่มจากปีชวด-หนู, ฉลู-วัว, ขาล-เสือ, เถาะ-กระต่าย, มะโรง-งูใหญ่, มะเส็ง-งูเล็ก, มะเมีย-ม้า, มะแม-แพะ, วอก-ลิง, ระกา-ไก่, จอ-สุนัข, กุน-หมู
ส่วนเรื่องที่ใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์แต่ละปีนั้น หาตำนานได้ยากมาก เพราะเรื่อง 12 นักษัตรเป็นเรื่องดึกดำบรรพ์นานมาก
ตามตำนานการตั้งจุลศักราช กล่าวว่า ได้เริ่มต้นใช้จุลศักราช 1 เมื่อรุ่งเช้าวันอาทิตย์ ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีกุนเอกศก ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 1182
การที่กล่าวว่า เริ่มจุลศักราชในปีกุนนั้นแสดงว่าปีนักษัตรมีมาก่อนจุลศักราช แต่มีเมื่อไหร่ ไม่ทราบได้ เพราะหาหลักฐานยากมาก
สำหรับประเทศไทยได้แบบอย่างการใช้นักษัตรมาจากไหน ในหนังสือพงศาวดารไทยใหญ่ พระนิพนธ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
".. 12 นักษัตรข้างไทยสยามนั้น น่าจะเลียนนามสัตว์ประจำองค์สาขาปีมาจากเขมรอีกต่อ จึงไม่ใช้นามปีตามภาษาไทยเหมือนไทยใหญ่ กลับไปใช้ตามภาษาเขมร..ฝ่ายไทยใหญ่ก็ไพล่ไปเลียนนามปีและนามองค์สังหรณ์จากไทยลาว หาใช้นามปีของตนเองไม่ และไทยลาวน่าจะถ่ายแบบมาจากจีนอันเป็นครูเดิมอีกต่อ แต่คำจะเลือนมาอย่างไรจึงหาตรงกันแท้ไม่ เป็นแต่มีเค้ารู้ได้ว่า เลียนจีน.."
ข้างฝ่ายจีนมูลเหตุ 12 นักษัตรก็เล่าตามนิทานว่า เกิดขึ้นเมื่อเริ่มมีมนุษย์--จากไอฟ้าและดินมากระทบกันแล้วกลายเป็นศิลากลมก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วแตกไปเป็นก้อนเล็กๆ อีก 12 ก้อน เกิดเป็นคนขึ้น 13 คน ก้อนใหญ่นั้นคือ "เทียนอ่องสี"แปลว่าเป็นเจ้าแผ่นดิน
ครั้งนั้นยังไม่มีเดือนมีตะวัน มนุษย์พึ่งแสงสว่างด้วยรัศมีพระและเทวดามาช่วยอุปถัมภ์ ขณะนั้นก็ยังไม่มีชื่อ แซ่ แล้วต่างแยกย้ายกันไปอยู่ทุกทิศ
อยู่มาวันหนึ่งเทียนอ่องสีเรียกน้องชายทั้ง 12 มาชุมนุมกัน แล้วว่าเราจะตั้งให้มีปี 12 ปีบรรจบเป็นหนึ่งรอบ จะให้ท่านทั้ง 12 คนเป็นชื่อปีกำกับกันทั้ง 12 ปี น้อง 12 คนได้ฟังก็มีความยินดียอมรับแล้วต่างคนต่างไปที่อยู่ของตนดังเดิม..ต่อมาบังเกิดสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนม้ามีเกล็ด มีปีก สะพายบแดงขึ้นมาจากแม่น้ำเม่งจิ๋น มีอักษรจารึกไว้ที่บ ว่า ห้อโตลกจือ เป็นตำราโหราศาสตร์ แจ้งวัน เดือน และคืน ตลอดจนมี 12 นักษัตร มีศก แต่ยังไม่มีชื่อเรียกปี
อย่างไรก็ตาม "สังข์ พัฒโนทัย" กล่าวไว้ในหนังสือ "จีนสมัยก่อนพุทธกาล" ว่า น่าเชื่อว่านักปราชญ์ของฮวงตี้เป็นผู้ประดิษฐ์ปีนักษัตรขึ้นตามชื่อสัตว์ต่างๆ อย่างที่เรียกกัน การที่เอาปีชวดเป็นปีแรกก็เพราะเป็นปีแรกที่ฮวงตี้เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ
นี่เป็นตำนานในเมืองจีน
ยังมีตำนานของที่อื่นๆ อีก เช่น ตำนานของชาวไทยลื้อ ซึ่งคล้ายกับตำนานนางสงกรานต์ของไทย ที่พระพรหมมีลูกสาว 12 คน เมื่อพระพรหมถูกตัดเศียร ลูกสาวทั้ง 12 มีหน้าที่เชิญพานรองรับเศียรออกมาแห่ทุกปี โดยผลัดกันปีละคน และแต่ละคนจะมีพาหนะต่างๆ กัน เช่น นางที่ 1 ขี่หนู นางที่ 2 ขี่วัว ขี่เสือ ขี่กระต่าย ขี่พญานาค ฯลฯ พาหนะที่นางทั้ง 12 ขี่จึงถูกนำมาเรียกเป็นชื่อปี
"โดยสรุปการเรียกชื่อปีเป็น 12 นักษัตร มีในประเทศต่างๆ คือ ไทย เขมร มอญ ญวน จาม ทิเบต ญี่ปุ่น จีน และในจารึกภาษาโบราณของตุรกี สันนิษฐานว่าจีนได้จากตุรกี เพราะเป็นตาดสาขาหนึ่ง แล้วญี่ปุ่นก็ได้จากจีน รวมทั้งเกาหลีด้วย แต่เปลี่ยนคำที่ใช้เรียกเป็นภาษาของตนเอง"
ส่วนเรื่องที่ใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์แต่ละปีนั้น หาตำนานได้ยากมาก เพราะเรื่อง 12 นักษัตรเป็นเรื่องดึกดำบรรพ์นานมาก
ตามตำนานการตั้งจุลศักราช กล่าวว่า ได้เริ่มต้นใช้จุลศักราช 1 เมื่อรุ่งเช้าวันอาทิตย์ ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีกุนเอกศก ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 1182
การที่กล่าวว่า เริ่มจุลศักราชในปีกุนนั้นแสดงว่าปีนักษัตรมีมาก่อนจุลศักราช แต่มีเมื่อไหร่ ไม่ทราบได้ เพราะหาหลักฐานยากมาก
สำหรับประเทศไทยได้แบบอย่างการใช้นักษัตรมาจากไหน ในหนังสือพงศาวดารไทยใหญ่ พระนิพนธ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
".. 12 นักษัตรข้างไทยสยามนั้น น่าจะเลียนนามสัตว์ประจำองค์สาขาปีมาจากเขมรอีกต่อ จึงไม่ใช้นามปีตามภาษาไทยเหมือนไทยใหญ่ กลับไปใช้ตามภาษาเขมร..ฝ่ายไทยใหญ่ก็ไพล่ไปเลียนนามปีและนามองค์สังหรณ์จากไทยลาว หาใช้นามปีของตนเองไม่ และไทยลาวน่าจะถ่ายแบบมาจากจีนอันเป็นครูเดิมอีกต่อ แต่คำจะเลือนมาอย่างไรจึงหาตรงกันแท้ไม่ เป็นแต่มีเค้ารู้ได้ว่า เลียนจีน.."
ข้างฝ่ายจีนมูลเหตุ 12 นักษัตรก็เล่าตามนิทานว่า เกิดขึ้นเมื่อเริ่มมีมนุษย์--จากไอฟ้าและดินมากระทบกันแล้วกลายเป็นศิลากลมก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วแตกไปเป็นก้อนเล็กๆ อีก 12 ก้อน เกิดเป็นคนขึ้น 13 คน ก้อนใหญ่นั้นคือ "เทียนอ่องสี"แปลว่าเป็นเจ้าแผ่นดิน
ครั้งนั้นยังไม่มีเดือนมีตะวัน มนุษย์พึ่งแสงสว่างด้วยรัศมีพระและเทวดามาช่วยอุปถัมภ์ ขณะนั้นก็ยังไม่มีชื่อ แซ่ แล้วต่างแยกย้ายกันไปอยู่ทุกทิศ
อยู่มาวันหนึ่งเทียนอ่องสีเรียกน้องชายทั้ง 12 มาชุมนุมกัน แล้วว่าเราจะตั้งให้มีปี 12 ปีบรรจบเป็นหนึ่งรอบ จะให้ท่านทั้ง 12 คนเป็นชื่อปีกำกับกันทั้ง 12 ปี น้อง 12 คนได้ฟังก็มีความยินดียอมรับแล้วต่างคนต่างไปที่อยู่ของตนดังเดิม..ต่อมาบังเกิดสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนม้ามีเกล็ด มีปีก สะพายบแดงขึ้นมาจากแม่น้ำเม่งจิ๋น มีอักษรจารึกไว้ที่บ ว่า ห้อโตลกจือ เป็นตำราโหราศาสตร์ แจ้งวัน เดือน และคืน ตลอดจนมี 12 นักษัตร มีศก แต่ยังไม่มีชื่อเรียกปี
อย่างไรก็ตาม "สังข์ พัฒโนทัย" กล่าวไว้ในหนังสือ "จีนสมัยก่อนพุทธกาล" ว่า น่าเชื่อว่านักปราชญ์ของฮวงตี้เป็นผู้ประดิษฐ์ปีนักษัตรขึ้นตามชื่อสัตว์ต่างๆ อย่างที่เรียกกัน การที่เอาปีชวดเป็นปีแรกก็เพราะเป็นปีแรกที่ฮวงตี้เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ
นี่เป็นตำนานในเมืองจีน
ยังมีตำนานของที่อื่นๆ อีก เช่น ตำนานของชาวไทยลื้อ ซึ่งคล้ายกับตำนานนางสงกรานต์ของไทย ที่พระพรหมมีลูกสาว 12 คน เมื่อพระพรหมถูกตัดเศียร ลูกสาวทั้ง 12 มีหน้าที่เชิญพานรองรับเศียรออกมาแห่ทุกปี โดยผลัดกันปีละคน และแต่ละคนจะมีพาหนะต่างๆ กัน เช่น นางที่ 1 ขี่หนู นางที่ 2 ขี่วัว ขี่เสือ ขี่กระต่าย ขี่พญานาค ฯลฯ พาหนะที่นางทั้ง 12 ขี่จึงถูกนำมาเรียกเป็นชื่อปี
"โดยสรุปการเรียกชื่อปีเป็น 12 นักษัตร มีในประเทศต่างๆ คือ ไทย เขมร มอญ ญวน จาม ทิเบต ญี่ปุ่น จีน และในจารึกภาษาโบราณของตุรกี สันนิษฐานว่าจีนได้จากตุรกี เพราะเป็นตาดสาขาหนึ่ง แล้วญี่ปุ่นก็ได้จากจีน รวมทั้งเกาหลีด้วย แต่เปลี่ยนคำที่ใช้เรียกเป็นภาษาของตนเอง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น