วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

อัญมณีั

อัญมณี คือ มวลของแข็งที่ประกอบไปด้วยแร่ชนิดเดียวกัน หรือหลายชนิดรวมตัวกันอยู่ตามธรรมชาติ โดยจะประกอบขึ้นจาก สาร อินทรีย์ หรือ อนินทรีย์ก็ได้ เนื่องจากองค์ประกอบของเปลือกโลกส่วนใหญ่เป็นสารประกอบซิลิกอนไดออกไซด์ ดังนั้นเปลือกโลกส่วนใหญ่มักเป็นแร่ตระกูลซิลิเกตนอกจากนั้นยังมีแร่ตระกูลคาร์บอเนต เนื่องจากบรรยากาศโลกในอดีตส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์บนบรรยากาศลงมาสะสมบนพื้นดินและมหาสมุทร สิ่งมีชีวิตอาศัยคาร์บอนสร้างธาตุอาหารและร่างกาย แพลงตอนบางชนิดอาศัยซิลิกาสร้างเปลือก เมื่อตายลงทับถมกันเป็นตะกอน หินส่วนใหญ่บนเปลือกโลกจึงประกอบด้วยแร่ต่างๆ

คุณสมบัติของอัญมณี

    ทนทาน

    หายาก

    สวยงาม

   ทำความสะอาดยาก 

ความเชื่อไทย

ในสมัยโบราณว่า ความรู้ ความเชื่อถือ และการใช้อัญมณีของคนไทย เริ่มมีมาแต่สมัยใดยังไม่มีหลักฐานกำหนดแน่ชัด เราอาจ ทราบเรื่องอัญมณีของไทยในอดีตได้จากวรรณคดีไทย บางเรื่อง บางตอน เริ่มตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทยเริ่มรู้จักและใช้อัญมณีไม่กี่ชนิด มีการจัดแบ่งอัญมณีออกเป็น ๙ ชนิด เรียกว่า นพรัตน์ หรือนวรัตน์ หรือแก้วเก้าประการ เป็นต้น ในตำรานพรัตน์มีคำกลอนที่มีอิทธิพล ทำให้คนไทยไม่น้อยรู้จักสนใจและนิยมนับถืออัญมณีว่าเป็นสิริมงคล แล้วก็ยังใช้เป็นหลักทรัพย์ที่ถือเป็นมรดกสืบทอดแก่ทายาทในวงศ์ตระกูล เป็นของกำนัลตอบแทนผู้มีน้ำใจช่วยเหลือยามที่เคยตกทุกข์ได้ยากเป็นของสำหรับหมั้นหมาย เป็นต้น

หินสีชนิดต่างๆ


อำพัน

อเมทริน

แอมะซอไนต์

อเมทิสต์

ไข่มุกอาเกต

บลูเลซอาเกต

มอสอาเกต

อะเลกซานไดรต์

อัญมณีประจำวันเกิด

วันอาทิตย์ ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น ทับทิม เพชรสีแดง โกเมน

วันจันทร์ ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น มุกดา บุษราคัม อำพัน ไข่มุกสีทอง เพชรสีเหลือง

วันอังคาร ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น เพชรสีชมพู ปะการัง ไข่มุกสีชมพู และโรส ควอตซ์

วันพุธ ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น หยก มรกต กรีน โกเมนสีเขียว

วันพฤหัสบดี ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น โกเมนสีส้ม คาร์เนเลียน ไพฑูรย์

วันศุกร์ ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น ไพลิน บลูโทปาซ

วันเสาร์ ถูกโฉลกกับอัญมณีเช่น หยกดำ นิล โอนิกซ์

เเหล่งอ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5

ประวัติวันวาเลนไทน์


ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คลังปัญญาไทย  

           
          วันวาเลนไทน์คงเป็นวันที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย... โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ตื่นขึ้นมา พร้อมรอยยิ้ม เพื่อเตรียมของขวัญ คำหวาน และข้อความพิเศษ ๆ มอบให้กับคนรักอย่างแน่นอน..  และในโอกาสวาเลนไทน์วันแห่งความรักวันนี้ กระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดหยิบยกเรื่องราวของวันวาเลนไทน์มาฝากกันอีกเช่นเคย มาดูกันซิว่า วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นได้อย่างไร และชาวตะวันตกทำอะไรกันบ้างในวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์วันนี้

          สำหรับประวัติวันวาเลนไทน์นั้น หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุเป็นเพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรักนั่นเอง นักบุญวาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น โรม ต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด อย่างสิ้นเชิง

           แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง

คิวปิด วันวาเลนไทน์


สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

          สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์คือ เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)  
          ตำนานความรักของ เทพเจ้าคิวปิด นั้น ในอดีต เทพเจ้าวีนัสอิจฉา "ไซกี" ธิดาวัยกำลังแรกรุ่นของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่สำคัญคือไซกีสวยกว่าเทพเจ้าวีนัสมาก นางเลยส่งเทพเจ้าคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ แต่เทพเจ้าคิวปิดกลับหลงรักไซกีและพามาที่วัง และลอบมาหาในเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนยุให้ไซกีแอบดูตอนเทพเจ้าคิวปิดนอนหลับ แต่ด้วยความตื่นเต้นของไซกีที่เห็นเทพเจ้าคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงาม เลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่เทพเจ้าคิวปิด เมื่อเทพเจ้าคิวปิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่ง จึงทิ้งนางไป

          เมื่อโดนทิ้ง ไซกีก็ออกตามหาเทพเจ้าคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกเทพเจ้าวีนัสกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา จนเทพเจ้าคิวปิดเห็นใจต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจ จึงช่วยให้ทั้งสองได้ครองรักกัน
วันวาเลนไทน์

 ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์
 

           หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine." 

           ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart) 

           เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อ เพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่ง สัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คนๆ นั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

           ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา
วันวาเลนไทน์

           บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี 

           ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป

           บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ล ได้หมดพอดี

           ในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้ 

เเหล่งอ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/19756

ประวัติของไวโอลิน


ประวัติของไวโอลิน
Viola da Braccio, Lira di Braccio, Lira da Braccio
lira da braccio
เครื่องดนตรีที่คาดว่า
เป็นแม่แบบของเครื่อง
ดนตรีตระกูลไวโอลิน
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดไวโอลินได้ปรากฏขึ้นเมื่อช่วงเวลาใด แต่คาดว่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลีช่วงต้นคริสตศตวรษที่ 16
ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ผลิตนั้นดัดแปลงมาจากเครื่องดนตรียุคกลาง 3 ชนิด อันได้แก่ เรเบค (rebec) ซอเรอเนซองซ์ (the Renaissance fiddle) และ ลีรา ดา บรากโก (lira da braccio) ซึ่งเครื่องดนตรีทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับไวโอลิน แต่หลักฐานที่แน่นอนที่สุดก็คือ มีหนังสือที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับไวโอลินในปี พ.ศ. 2099 (ค.ศ. 1556) แล้ว โดยได้ตีพิมพ์ที่เมืองลีออน ประเทศฝรั่งเศส และคาดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไวโอลินน่าจะเผยแพร่ไปทั่วทวีปยุโรปแล้ว
ไวโอลินที่ถือว่าเป็นคันแรกของโลกถูกสร้างขึ้นโดย อันเดร์ อมาตี(Andrea Amati) ในช่วงครึ่งศตวรรษแรกของคริสตศตวรรษที่ 16 โดยการว่าจ้างของครอบครัวเมดิซี ซึ่งต้องการเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ต่อมาด้วยคุณภาพที่ดีของเครื่องดนตรี พระเจ้าชาลส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ อันเดร์ ประดิษฐ์ไวโอลินขึ้นมาอีก เพื่อมาเป็นเครื่องดนตรีบรรเลงประเภทใหม่ของวงออร์เคสตราประจำของพระองค์ และไวโอลินที่เก่าแก่สุดและยังให้เห็นอยู่ คือไวโอลินที่ อันเดร์ ประดิษฐ์ขึ้นในเมืองเครโมนา(Cremona) ประเทศอิตาลี ซึ่งได้ถวายแด่ พระเจ้าชาลส์ที่ 4 เช่นกันตรงกับปี พ.ศ. 2109 (ค.ศ. 1566)
แต่ไวโอลินที่น่าจะเก่าแก่และโด่งดังที่สุดน่าจะเป็นไวโอลินที่มีชื่อว่า เลอ เมสซี่(Le Messie) หรือ Salabue ประดิษฐ์โดย อันโตนิโอ สตราดีวารี      เมื่อปี  พ.ศ. 2259 (ค.ศ. 1716) ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ Ashmolean Museum แห่ง อ๊อกซฟอร์ด

เเหล่งอ้างอิง http://student.swu.ac.th/co511010133/violin1.html

7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น


7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น


ประเทศญี่ปุ่นใช่ว่าจะมีแต่พระพุทธรูปที่คนญี่ปุ่นเค้านับถือกัน ยังมีเทพเจ้าอีกเจ็ดองค์ ที่เค้าเชื่อกันว่าเป็นเทพที่สามารถนำโชคนำลาภมาให้ทุกคนอีกด้วย เคยเห็นภาพวาดเทพหลายๆ องค์ยืนยิ้มอยู่บน เรือสมบัติ (Takarabune,宝船) กันบ้างมั้ย ? พวกเค้านั่นล่ะคือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้ง 7 หรือคนญี่ปุ่นเค้าเรียก ชิจิ ฟุคุจิน  (Shichi Fukujin,七福神 ) ท่านเทพทั้งเจ็ดมักจะมีบทบาทตามสื่อโฆษณา ตามหนังสืออยู่บ่อยๆ ปัจจุบันเราจะเห็นเครื่องรางเกี่ยวกับท่านทั้งเจ็ดมีจำหน่ายตามวัดหรือศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย มาทำความรู้จักกับท่านเทพทั้งเจ็ดกันดีกว่า




เทพเจ้าองค์ที่ 1 คือ ท่าน เอบิซุ  (Ebisu, えびす) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล การประมง และการค้า ท่านเอบิซุเป็นเทพเจ้าองค์เดียวที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะดังนี้ มือขวาจะถือเบ็ดตกปลา มือซ้ายถือปลากระพงไว้ ตามบริษัทหรือร้านเกี่ยวกับการประมง อาหารทะเลต่างๆ  มักนำรูปปั้นมาติดตั้งไว้เพื่อนำโชคลาภมาให้กับธุรกิจของตนเอง




เทพเจ้าองค์ที่ 2 คือ  ท่าน ไดโกะคุเตน (Daikokuten, だいこくてん) เทพเจ้าแห่งการเกษตร ความอุดมสมบูรณ์ และความร่ำรวย เป็นเทพที่ถือกำเนิดจากประเทศอินเดีย ก็คือ พระศิวะ นั่นเอง มีลักษณะดังนี้ มือขวามักถือค้อน และมือซ้ายแบกถุงข้าวสาร ใบหน้ายิ้มแย้ม และมีเจ้าหนูตัวเล็กๆ คอยติดตามเสมอ ตามร้านขายของต่างๆ มักจะมีท่านประดับไว้เพื่อนำโชคลาภและความเป็นสิริมงคลมาสู่ร้านของตนเองอีกด้วย




เทพเจ้าองค์ที่ 3 คือ  ท่าน บิชะมงเตน (Bishamonten, びしゃもんてん) เทพเจ้าแห่งนักรบ ขุมทรัพย์ และความยุติธรรม เป็นเทพเจ้าที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ท่านคือ ท้าวกุเวร ของศาสนาฮินดูนั่นเอง มีลักษณะดังนี้ มือข้างขวาจะถือศาสตราวุธและมือซ้ายจะถือเจดีย์อันเล็กๆ ในญี่ปุ่นเชื่อว่าท่านเป็นเทพที่ปกปักรักษาทรัพย์สมบัติในบ้านเรือนและปกป้องให้พ้นจากสิ่งอัปมงคลต่างๆ 




เทพเจ้าองค์ที่ 4 คือ  ท่าน เบ็นเท็น (Benten, べんてん) หรือ เบนไซเตน เทพเจ้าแห่งความงาม ศิลปะ ดนตรี และภูมิปัญญา เป็นเทพเจ้าที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ท่านคือ พระสุรัสวดี เทพีผู้งดงามในศาสนาฮินดู นั่นเอง ในเจ็ดเทพท่านเป็นเทพเจ้าองค์เดียวที่เป็นผู้หญิง มีลักษณะดังนี้ มักจะสวมชุดนางฟ้าและถือบิวะไปด้วย ผู้ที่มีอาชีพและประกอบการในด้านวิทยการศิลปะในด้านต่างๆ มักจะมีท่านประดับหรือพกเครื่องรางติดตัวไว้เพื่อนำพาความสำเร็จมาสู่ตนเอง




เทพเจ้าองค์ที่ 5 คือ ท่าน ฟุคุโระคุจู  (Fukurokuju, ふくろくじゅ) เทพเจ้าแห่งความสุข ความมั่งคั่ง  และอายุยืนยาวท่านเทพอาวุธโส หนวดยาว หน้าผากสูง หน้าตาใจดี ท่านนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นหนึ่งเทพมงคล 3 ประการของจีน ฮก ลก ซิ่ว นั่นเอง โดย ท่านเทพองค์นี้ก็คือ ท่าน ซิ่ว มีลักษณะดังนี้ มือขวามักถือไม้เท้าและมีบัญชีอายุขัยมนุษย์ห้อยอยู่ด้วย มีนกกระเรียนและเต่าอยู่เคียงข้างเสมอ ท่านมีพาหนะเป็นกวางดำโบราณสองพันปี สัตว์ทั้งสามคือสัญลักษณ์ของการมีอายุยั่งยืนนั่นเอง 




เทพเจ้าองค์ที่ 6 คือ ท่าน จูโรจิน (Jurojin,じゅろうじん) เทพเจ้าแห่งความอายุยืน เทพอาวุธโส มีหนวดเครา สวมหมวก ท่านนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน  มีลักษณะดังนี้ มือขวาถือไม้เท้า บางทีก็มีบัญชีห้อยอยู่ด้วย มือซ้ายถือลูกท้อหรือพัด และมีกวางโบราณในตำนานอยู่เคียงข้าง ในบางตำนานเชื่อว่าท่านคืออีกร่างของท่าน ฟุคุโระคุจู  บางทีอาจจะจำสับสนกันได้ แต่ท่านทั้งสองคือสัญลักษณ์ของการมีชีวิตยืนยาวเหมือนกัน 




เทพเจ้าองค์ที่ 7 คือ  ท่าน โฮเทอิ (Hotei, ほてい) เทพเจ้าแห่งความสุข  สุขภาพดีอุดมสมบูรณ์ และความพอเพียงเทพร่างอ้วน พุงใหญ่ ใบหน้ายิ้มแย้มหรือหัวเหราะ ใจดี ท่านนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ก็คือ พระโพธิสัตว์ พระศรีอริยเมตไตรย  นั่นเอง มีลักษณะดังนี้ มือขวาถือพัด มือซ้ายแบกถุงใบใหญ่พาดบ่าเอาไว้ ใส่ชุดเปิดพุงด้านหน้าครึ่งตัวอีกด้วย กิจการโรงแรม ร้านอาหารภัตตาคารต่างๆ มักจะมีท่านรูปปั้นท่านไว้เพื่อเป็นสิริมงคล และความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย




ได้รู้จัก 7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น กันไปเรียบร้อยแล้วนะ ยังมีเคล็ดลับนำโชคดีๆ  อีกหนึ่งอย่าง คนญี่ปุ่นมีธรรมเนียมเรื่องฝันแรกของปี ฮัทสึยูเมะ (Hatsuyume,初夢) อยู่ด้วย  หากนำภาพของท่านเทพทั้งเจ็ดบนเรือสมบัติมาสอดไว้ใต้หมอนในช่วงปีใหม่ ก็จะทำให้คืนแรกของปี ฝันดีและนำโชคได้ทั้งปีกันเลยทีเดียว 




ปัจจุบันเราจะเห็น เครื่องรางนำโชค (Omamori, おまもり) เกี่ยวกับท่านทั้งเจ็ดมีจำหน่ายตามวัด ศาลเจ้า หรือตามร้านขายเครื่องรางนำโชคเต็มไปหมด มีการออกแบบหลากหลายอย่างมากมาย มีทั้งเป็นภาพวาด พวงกุญแจ ที่ห้อยโทรศัพท์ ถุงเครื่องราง เป็นต้น 

เเหล่งอ้างอิง http://www.marumura.com/tale/?id=2401

ประวัติของเจนิเฟอร์ (อย่ากให้ทุคนทราบ)



ชื่ออื่นๆ : เจโล
วันเกิด : 24 กรกฎาคม 2512
ที่เกิด : The Bronx, New York, USA  United States
ปัจจุบันอยู่ที่ : USA
ส่วนสูง : 168


เจนนิเฟอร์ เกิดเมื่อปี 1969 ที่บรองซ์ นิวยอร์ค เจนนิเฟอร์เป็นลูกคนกลางในพี่น้อง 3 คน พี่สาวเธอเลสลี่ เป็นแม่บ้านที่ชอบร้องโอเปร่า ส่วนน้องสาวของเธอ ลินดาเป็นดีเจ


ดาราสาวสวยอย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ อาจกล่าวได้ว่า เธอเป็นดาราที่เปล่งประกายเจิดจรัสอย่างแท้จริง และเธอยังเป็นผู้เปิดประตูแห่งโอกาส ให้กับชาวลาตินจากทั่วทุกสารทิศด้วย นอกจากเธอจะเป็นดาราที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดคนหนึ่งแล้ว ปัจจุบันเธอยังเป็นนักแสดงชาวลาตินที่ได้รับค่าตัวสูงที่สุด ในประวัติศาสตร์ของเมืองมายาฮอลลีวูดอีกด้วย

เจนนิเฟอร์ โลเปซ ลูกสาวของครูโรงเรียนอนุบาล และผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ เธอหลงใหลในอาชีพนักแสดงตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถในด้านการร้องเพลงและการเต้นรำของเธอ เป็นบันไดให้เธอได้ก้าวสู่ละครบรอดเวย์ และจากนั้นสู่วงการทีวี

เจนนิเฟอร์เริ่มแสดงภาพยนตร์ เป็นครั้งแรกในเรื่อง Mi Familia จากนั้นตามด้วย Money Train ที่แสดงกับ เวสลีย์ สไนปส์ และ วู๊ดดี้ แฮร์ริลสัน เธอแจ้งเกิดในวงการ จากบทบาทของเธอ ใน Selena ภาพยนตร์เศร้าเกี่ยวกับละครป๊อปของลาติน ซึ่งบทนี้หนุนให้เธอได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงที่จริงจังอีกคนหนึ่ง สุ้มเสียงในการร้องเพลงของเธอจากเรื่องนี้ ยังไพเราะจนสะกิดหูค่ายเพลง และในงานเปิดตัวหนังเรื่องนี้ แฟนของเธอก็ได้ขอเธอแต่งงานอีกด้วย

จากความสำเร็จในเรื่อง Selena เส้นทางนักแสดงของเจนนิเฟอร์ก็เจิดจ้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน เธอมีผลงานแสดงภาพยนตร์ถึงสามเรื่องในปีถัดมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Anaconda ซึ่งประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ส่วนในเรื่อง Out of Sight ที่แสดงกับ จอร์จ คลูนีย์ เธอก็ได้รับเสียงยกย่องจากนักวิจารณ์อย่างมากมาย

ผลงานที่ผ่านมา

America's Darlings (2006) 
Cantante, El (2006) 
Bordertown (2005) 
An Unfinished Life (2005) 
Monster-in-Law (2005) 
Shall We Dance (2004) 
Jersey Girl (2004)
Selena: Greatest Hits (2003) 
Gigli (2003) 
Maid in Manhattan (2002) 
Enough (2002) 
Angel Eyes (2001) 
The Wedding Planner (2001) 
The Cell (2000) 
Antz (1998) (voice) 
Out of Sight (1998)
U Turn (1997)
Anaconda (1997)
Selena (1997)
Blood and Wine (1996) 
Jack (1996) 
Money Train (1995) 
My Family (1995) 
Lambada (1990/I)
My Little Girl (1987)
เเหล่งที่มา http://www.nangdee.com/name/f/p1803.html

ประวัติเมืองพะเยา


รู้ความหมายของดอกไม้ ก่อนเอาไปใช้


          คุณรู้หรือไม่ว่าดอกไม้แทบทุกชนิดมีค่ามีความหมายในตัวเอง เราจึงได้นำความหมายดีๆ ของดอกไม้ที่นิยมมอบให้กัน มาฝาก ไม่แน่นะเราอาจจะได้ไอเดียเก๋ๆ หาดอกไม้ที่ถูกใจคู่รัก และมีความหมายในความรักของคุณและเขาก็ได้ เพราะความในใจบางอย่างที่แฝงมากับดอกไม้หนึ่งช่อที่คุณจะมอบให้กับคนพิเศษ ซึ่งแต่ละดอกในหนึ่งช่อดอกไม้นั้น หากคุณตั้งใจที่จะเลือกสรรเพื่อสื่อความในใจทั้งหมดที่มีอยู่ ดอกไม้แต่ละดอกอาจสื่อได้ดีกว่าคำพูดล้านคำ หรือคำพูดบางคำที่คุณอยากจะบอกแต่ยากที่จะพูดให้ดอกไม้บอกแทนก็ได้…
ความหมายของดอกไม้ชนิดต่างๆ
++ กุหลาบ
          กุหลาบแดงและขาวรวมกัน : ดอกไม้สำหรับสื่อความหมายให้รู้ว่า “สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน”
          กุหลาบสีชมพู : ดอกไม้สำหรับความงดงามและความอ่อนโยน
          กุหลาบสีเหลือง : เป็นดอกไม้ที่บอกเป็นนัยว่า “ขอเป็นชู้ทางใจ” หรือ หมายถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง
          กุหลาบสีส้ม : ดอกไม้เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา 
          กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) : แทนคำว่า “เธอช่างสวยเหลือเกิน”
          กุหลาบสีขาว : ดอกไม้สำหรับบอกว่า “ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน”
          กุหลาบตูมที่มีทั้งใบและหนาม : เป็นดอกไม้ที่บอกให้รู้ว่า “แม้ฉันจะวิตกอยู่บ้าง แต่รู้ว่าเธอคงไม่ปฎิเสธ”
          กุหลาบตูมที่ริดใบทิ้งหมด : ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าน่ากลัวไปหมด
          กุหลาบตูมที่ริดหนามทิ้งหมด : ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้น
          กุหลาบตูมสีแดง : ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้เดียงสา “รักของฉันเพิ่งแรกแย้ม และอ่อนต่อโลก”
          กุหลาบตูมสีขาว : ดอกไม้ที่แสดงถึงความมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก
          กุหลาบบานหนึ่งดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก : เป็นดอกไม้ที่บอกว่า “นี่คือความรักที่ฉันแอบซ่อนไว้”
          กุหลาบบานสีแดง : ดอกไม้สำหรับบอกให้รู้ว่า “ฉันรักเธอเข้าแล้ว”
          กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว : เป็นดอกไม้ที่เขาอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า “ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว”
          กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว : ดอกไม้สำหรับแทนความหมาย “เสน่ห์ของเธอมันจืดจางลงแล้ว”
          กุหลาบไร้หนาม : เป็นดอกไม้ที่สื่อให้รู้ว่า “เธอช่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลแม้ยามแรกพบ”
          กุหลาบดอกเดียว : ดอกไม้สำหรับแทนความหมาย “รักฉันแม้เรียบง่าย แต่ก็มั่นคงกับเธอผู้เดียว”
++ คาร์เนชั่น
          คาร์เนชั่น สีแดง : เป็นดอกไม้ที่สื่อว่า “เห็นใจในความรักของฉันที่มีต่อเธอบ้าง” เป็นลูกออดอ้อนให้ใจอ่อน
สีชมพูหวาน : เป็นดอกไม้ที่สื่อว่า “ความรักของฉันกำลังจะผลิบาน โปรดถนอมหัวใจรักฉันด้วย”
คาร์เนชั่นลาย : ดอกไม้สำหรับปฏิเสธใครที่มาตามตื้อ ต้องรีบส่งไปเพราะมันหมายถึง “ไม่ได้คิดอะไรด้วยเลย”
คาร์เนชั่นที่ถูกดึงกลีบดอกออกไป : เป็นดอกไม้สำหรับการปฏิเสธความรักโดยสิ้นเชิง ประมาณว่า “ฉันไม่เคยคิดรักเธอเลย”
 
  
++ ทิวลิป
          ทิวลิป เป็นดอกไม้ที่หมายถึงการตกหลุมรักหัวปักหัวปำ ความรักที่ฉาบฉวยและจึดจางอย่างรวดเร็ว
          ทิวลิปสีแดง : ดอกไม้ที่สื่อว่า “อยากให้โลกรู้ว่าฉันรักเธอ” 
          ทิวลิปสีเหลือง : ดอกไม้ที่สื่อว่า มีหางเสียงเศร้าๆ ว่า “ฉันหมดหวังในรักเธอแล้วหรือไร” 
          ทิวลิปหลากสีในช่อเดียวกัน : ดอกไม้ที่หมายความว่า “ดวงตาแสนสวยของเธอทำให้ฉันคลั่งไคล้”  
++ ดอกลิลลี่
          ดอกลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่แทนความรักอ่อนหวาน บริสุทธิ์ อ่อนไหวต่อโลก “เธอเป็นรักแรกของฉันนะ คนดี”
++ ดอกไอวี่
          ดอกไอวี่ เป็นดอกไม้ที่เป็นตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์และมั่นคงในรัก แต่ถ้าหนุ่มคนไหนต้องการขอสาวแต่งงานลองส่งดอก ไอวี่แทนใจก็ได้ เพราะอีกนัยหนึ่ง หมายถึงการแต่งงาน  
++ ดอกมะลิ
          ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง และอ่อนโยน มะลิ แทนความหมาย “เธอคือผู้ที่ฉันสุดรักสุดบูชา” หรือ “เธอคือดอกฟ้าผู้สง่างามและสูงส่ง”
++ กล้วยไม้
          เป็นดอกไม้ที่ไว้บอกภาษารักว่า “ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้”  
++ ดอกหญ้า
          คือดอกไม้ที่ใช้สื่อความรักที่เปี่ยมด้วยอิสระ แทนความว่า “ฉันรักเธอ แต่ขอเธออย่าผูกมัดฉันเลยนะคนดี”
++ ดอกบัว
          เป็นดอกไม้แทนความสงบและความบริสุทธิ์ใจ จึงเป็น “รักด้วยความศรัทธาและชื่นชม” 
++ ดอกแกลดิโอลัส
          เป็นดอกไม้ที่สมควรส่งให้สาวที่เข้มแข็ง และมีความมั่นใจ เพราะแทนคำว่า “เธอช่างเป็นสาวมั่นจริงๆนะ” และยังเหมาะที่จะใช้เป็นดอกไม้แสดงความยินดี แทนคำว่า “ยินดีด้วยสำหรับความสำเร็จ ครั้งนี้”
++ ดอกทานตะวัน
          ดอกไม้ที่แทนสัญญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว และมีนัยถึงศิลปะที่งดงาม ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารว่า “แม้เธอจะเย่อหยิ่งเพียงไร แต่สักวันฉันจะชนะใจเธอ” และยังหมายถึง “รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์”
++ แดฟโฟดิล
          เป็นดอกไม้ที่เหมาะสำหรับความรักของเพื่อนแท้ คนรู้ใจ เพราะส่งแดฟโฟดิลเหมือนบอกว่า “น้ำใจไมตรี และความเอื้ออาทรของเธอ สมแลัวกับที่เป็นเพื่อนรักที่แสนดีของฉัน”
++ ดอกซ่อนกลิ่น
          ดอกไม้สำหรับคนที่มีรักซ้อนซ่อนใจ ไม่อาจเปิดเผย “ฉันแอบรักเธออยู่นะ” หรือ “ฉันหยิ่งเกินกว่าจะเอ่ยปากบอกรักกับเธอก่อน”
++ ดอก Lilac
          ดอกไม้สำหรับการส่งให้กับความรักครั้งแรก

เเหล่งอ้างอิงhttp://women.kapook.com/wedding00144/